วันพุธที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2553

เรื่องเล่า จากก้อนหิน ถึง แท่งเหล็ก

เรื่องเล่า จากก้อนหิน ถึง แท่งเหล็ก บันทึกที่ ๔ (ศ.สาลา)

เที่ยงของวันหนึ่งในคลังเก็บอะใหล่เครื่องจักรแห่งหนึ่ง ท่ามกลางบรรยากาศอึมคึมของเมฆ ผมนั่งคิดเรื่องอะไรเรื่อยเปลือยคิดไปถึงเรื่องโน้นวกมาเข้าเรื่องนี้ ....
นานพอควร ไม่รู้สักกี่ชั่วโมง...จนกระทั้ง ฝนเม็ดใหญ่ตกลงมาอย่างมืดฟ้ามัวดิน...แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังคงนั่งคิดกับตัวเองอยู่อย่างนั้น พลันผมก็มีความรู้สึกว่า โอ..ไมวันนี้กูเหนื่อยจังว่ะ ท้อเอามากๆไม่คิดว่าตัวเองจะมาอยูในสภาพแบบนี้ จากเด็กคนหนึ่งที่ไม่เอาไหนคนที่ทำอะไรไม่เคยเป็น คนที่ทำอะไรไม่เคยสำเร็จอย่างผมจะทำงานแบบนี้ได้ คนเซ่อๆซ่าๆอย่างผมเนี๊ยยังมีใครเค้าว่า..เก่ง..เฮ่อ..มันช่างไกลลิบลี่กับตัวผมแต่ถึงกระนั้นผมเองก็พยามยิ้มตอบรับคำชมนั้นทั้งที่ไม่รู้เลยว่ายังมีเรื่องอีกแสนล้านเรื่องที่ยากกว่าเรื่องหลายๆเรื่องที่เคยเจอมา..(ผมทำงานเป็นผู้ช่วยช่างซ่อมในเหมืองหิน บะซอลหนึ่ง )บุญมี หรือผีพลักยังไงก็ไม่รู้ มีผู้ใหญ่ที่นั้นเค้าว่าผมเป็นคอมฯ เอ่อ..ไอ้นี้มันเก่งนะใช้คอมได้ด้วยเป็นไงล่ะผมก็ได้ลื่นขึ้นมาเป็นเสมียนซะงั้น(คัยเค้า)จะเชื่อเฮ่อ...แต่เชื่อเหอะมันเป็นไปแล้วเป็นเสมียนทำงานเซ็คน้ำมัน(ไม่สิเติมน้ำมันช่วยเค้าด้วย)ตื่นตี5ซ่อมรถก็ยังซ่อมเหมือนเดิม..แถมยังมีทีท่าว่าจะหนักกว่าเป็นผู้ช่วยช่างซะอีก เมื่อยอดน้ำมันประจำเดือนที่เซ็คมันดันขาดไปซะนี้..คัยเค้าจะว่าคนเติมน้ำมันล่ะเค้าก็ว่าไอ้คนที่มันเซ็คก่อนอยู่แล้ว..เพราะเหตุนี้ผมก็รู้แล้วว่าผมมันไม่เหมาะกับเรื่องแบบนี้หรอก..ไม่ไหวแน่ขืนฝืนทนทำต่อไปมันต้องแย่กว่าเดิม ว่าไปแล้วชีวิตของผมนี้ มันน้ำเน่าซะยิ่งกว่า ละครน้ำเน่าหลังข่าวทีวีซะอีก หากเป็นเหมือนละครมันก็คงจะเป็นล่ะครที่มีภาคต่อๆ ไม่รู้วันจบ..(ออกแนวดราม่าทิลเลอร์ ออกแอตวานเจอร์ นิดๆ) เฮ่อ..แต่ละะวันไม่รู้เรื่องอะไรต่อมิอะไรถ่าโถมโหมกระหน่ำเข้ามามีทั้งเรื่องดีและเรื่องร้ายๆปะปนกันจนในบางครั้งคนอย่างผมต้องอ้า..ปากค้างพูดไม่ออกเลยก็มี...แต่สุดท้ามันก็ต้องทน และก็ทน(นี้น่ะหรือชีวิต ของลูกผู้ชาย)
วันเดือนปีอันเหน็บหนาวพัดพาชีวิตของผมเข้ามาเป็นคนของที่นี้โดยม่รู้ตัว เหมือนหนังเรื่องหนึ่งเลยเนอ๊อะไม่รู้ว่าพี่น้องเคยดูหรือเปล่า แต่นั้นไม่สำคัญหรอกเพราะถึงแม้ที่ที่ผมอยู่ มันออกกันดาร(เถื่อนๆไปนิด)ในบางช่วงบางมุมของเหมืองนี้ มีเรื่องดีๆให้ดูและเรียนรู้.อีกมาก.อนาคต อะนางอ คงไม่ต้องพูดถึงหวังก็คงได้แค่หวังฝันก็ฝันไป..สิ่งหนึ่งคอยย้ำเตือนและบอกผมอยู่ประจำคือ ยามใดก็แล้วแต่ ที่หันหน้าไปปรึกษาใครไม่ได้วันที่ใครหน้าไหนก็ช่วยอะไรเราไม่ได้ที่ปรึกษาที่ดีทีสุดก็คือ ตัวเอง..
และนั้นก็เป็นอีกบทเรียนใหญ่ในชีวิตหนึ่งของผม..ที่ผมต้องเรียนและทำความใจอีกนานโข.ก้อนหินก้อนเล็กๆเป็นเหมือนครูคนหนึ่ง หากมองแค่ตาไม่ต้องใช้ความคิดอะไรมากหินก้อนหนึ่ง ก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไร ทว่าที่นี้หินก้อนหนึ่งมีค่ามหาศาลเลยที่เดียว เหล็กแท่งหนึ่งหรือแม้กระทั้งน็อตปะแจ มันสอนผมอยู่ทุกวัน..และนั้นจะไม่มีประโยชน์อะไรเลย..ถ้ารู้แล้ว..ไม่ทำ ปล่อยมันไป.สิ่งที่ว่ารู้ ว่าเข้าใจถ่องแท้จริงๆ มันก็ไม่ได้มีประโยชน์ อะไรเลย สู้แล้วไม่รู้อะไรเลย ดีซะกว่า (น้าจิต)
สุดท้ายนี้ต้อง ขอขอบคุณ ลุงๆน้าๆพี่ๆทุกคน ที่คอยบอกให้กำลังใจผมมาตลอด ขอบคุณจริงๆครับ..
:ผิดพลาดประการใดต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย นะครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

น้ำใจเล็กน้อยๆก็แค่คำว่า ขอบคุณ...